รีวิว Now, We Are Breaking Up ตื่นเต้นจดจ่อรอดู แต่ทว่า…
Now, We Are Breaking Up กลายเป็นเรื่องฮือฮาเมื่อ ซงฮเยคโย ตกปากรับคำตอบรับแสดงซีรีส์เรื่องนี้หลังจากห่างหายจากซีรีส์ไปตั้งแต่แสดงเรื่อง Encounter เมื่อปี 2018 และยิ่งได้นักแสดงหนุ่มที่มาแรงอย่าง จางกียง ตอบรับเป็นพระเอกของเรื่อง งานนี้ยิ่งทำให้เป็นที่คาดหวังของแฟนซีรีส์ และยิ่งเมื่อรู้ว่ามีการจัดเรตของซีรีส์เป็น 15+ กับ 19+ ด้วยแล้วนั้น…
เกริ่นนำกันสักหน่อย
สำหรับพล็อตเรื่องเริ่มแรกของ Now, We Are Breaking Up นั้นมีออกมาสั้น ๆ ว่าเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งที่เขียนคำว่า “อำลา” แต่อ่านมันว่า “รัก” จากนั้นก็แง้มเรื่องย่อที่ขยายความว่านี่เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องความรักและการเลิกราในโลกแห่งความรัก ผ่านงานด้านแฟชั่นที่ทำให้พระเอกที่เป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ชื่อดังได้เจอกับนางเอกที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมออกแบบของบริษัทแฟชั่น
*เนื้อหาหลังจากนี้เป็นการรีวิวแบบมีสปอยล์ โปรดอ่านจนจบ
รีวิวบทบาทตัวละคร เมื่อดูจบตอนแรก
หลังจากผู้เขียนดู Now, We Are Breaking Up EP1 ซึ่งถูกระบุว่าจัดเรต 19+ ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องจัดเรตนี้มา เพราะเปิดเรื่องมาก็มีฉากวันไนท์สแตนด์ให้ได้ดูกันทันที ภาพเน้นไปที่ ฮายองอึน ที่รับบทโดย ซงฮเยคโย เพราะเป็นการเล่าถึงตัวละครของเธอก่อน ดังนั้น จึงมีการปิดบังผู้ชายเอาไว้ให้เห็นเพียงแว๊บ ๆ หรือเห็นแค่แผ่นหลัง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเดาได้ว่า คู่ของเธอในคืนวันไนท์สแตนด์นี้คือ ยุนแจกุก ที่รับบทโดย จางกียง นั่นเอง
ฉาก 19+ นี้เน้นถ่าย Close-up ที่ดวงตา ริมฝีปาก ต้นคอ มือ แผ่นหลัง ซึ่งก็ทำได้ดี แต่เมื่อเทียบกับฉาก 19+ ของ Nevertheless ต้องบอกว่าเรื่องหลังทำได้ดีกว่า เนื่องจากมีการจั่วหัวไว้ด้วยว่าเป็นไฮเปอร์เรียลลิสติก จึงให้ความสมจริง ชนิดที่เหมือนคนดูไปนั่งแทนนักแสดง ดูไปเขินไป แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่า Now, We Are Breaking Up จะทำได้ไม่ดีนะ แต่ต้องบอกว่าเรื่องแรกดีกว่าเท่านั้น
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: [รีวิวซีรีส์] Nevertheless ซงคัง ผู้ชายสายอ่อยที่ทำเอา ฮันโซฮี ใจอ่อนยวบ เรต 19+
ในส่วนเรื่องของบุคลิกและความสัมพันธ์ของตัวละคร ทั้งฝั่งนางเอกและฝั่งพระเอกต้องบอกเลยว่าเป็นการใส่บุคลิกและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ค่อนข้างซ้ำซากพอสมควร (ถ้าเคยได้ดูซีรีส์เกาหลีมาแล้วหลายเรื่องและดูมานานแล้ว) เรียกว่า ไม่ได้แปลกใหม่แต่อย่างใด ถ้าเป็นบทหนังก็จะได้ยินนักวิจารณ์ใช้คำว่า Cliche (คลิเช่) บ่อย ๆ คือหมายถึง ดูแล้วซ้ำซาก เดาเรื่องได้
ทำไมถึงบอกบทว่าซ้ำซาก
ลองถ้าให้เล่าถึงบทบาทตัวละครฝั่งนางเอกที่ทำงานเก่งรอบด้าน ความสามารถรอบตัว แต่ต้องทำงานเป็นลูกน้องเพื่อนที่รวยกว่า แล้วเพื่อนก็งอแงสไตล์คุณหนู ชอบคบหากับเด็กหนุ่มที่ไม่ได้รักจริงหวังสูบแต่เงิน และสร้างปัญหาอยู่เป็นประจำ ที่สำคัญนางเอกก็จะมีความสนิทและยำเกรงพ่อหรือแม่ของเพื่อน ทำให้ต้องคอยตามล้างตามเช็ดเรื่องที่เพื่อนสร้างปัญหาอยู่เป็นประจำด้วยความเหนื่อยหน่าย
เล่ามาแบบนี้ต้องยอมรับเลยว่า บทบาทตัวละครแบบนี้มีให้เห็นบ่อย อย่างเช่นในซีรีส์เรื่อง Secret Love Affair ที่ คิมฮีแอ เล่น ใครเคยดูจะนึกออกเลยว่าบทตรงกันกี่เปอร์เซนต์
ในส่วนของพระเอกกันบ้าง ถ้าเล่าว่าบทบาทพระเอกเป็นคนหล่อ เก่ง มีสเน่ห์ น่าหลงใหล บังเอิญได้เจอนางเอกแต่ไม่รู้จักชื่อ แล้วก็กลับมาเจอกันอีกครั้งในอีกสถานที่ และมีเรื่องให้เขาจำเธอได้ สุดท้ายก็หลงรักเธอ ระหว่างทางมีเรื่องให้ได้เจอกัน อย่างเช่น นางเอกมานัดบอดแทนเพื่อนที่รวยกว่า แต่พระเอกก็รู้ทัน พล็อตแบบนี้ไม่ใช่มีแค่เรื่องสองเรื่อง เรื่องล่าสุดที่นึกออกทันทีก็อย่างเช่น Youth of May ที่พระนางเคยเจอกันมาก่อนแล้ว และนางเอกไปนัดบอดแทนเพื่อนที่รวยกว่า แต่พระเอกก็รู้ก่อนแล้วก็ไม่โกรธ กลับยิ่งประทับใจมากจนหลงรัก กลายเป็นว่าทั้งบทบาทตัวละครกับเนื้อเรื่องรวมกันจึงถือว่าซ้ำซากจำเจอยู่มากเลยทีเดียว
รีวิวเนื้อเรื่องของ Now, We Are Breaking Up EP1
เนื้อเรื่องเปิดมาน่าตื่นเต้นกับวงการแฟชั่น แต่กลางเรื่องก็แผ่วลงไปเพราะเนื้อหาที่ซ้ำซากจนเกือบจบตอน โชคดีที่มีฉากโชว์ฝีมือความเป็นช่างภาพมืออาชีพของพระเอกที่ดูแล้วหวือหวาน่าสนใจมาก กลายเป็นฉากที่ดีที่สุดใน EP1 ไปเลย
พระเอกแสดงให้เห็นถึงความสามารถของช่างภาพแฟชั่น เรียกว่าเป็นฉากโชว์ความเท่บาดใจของ จางกียง ใครหลงแล้วยิ่งหลงเข้าไปอีก (ยกมือแล้วหนึ่ง)
แต่ที่ไม่สมจริงสำหรับการถ่ายทำแฟชั่น คือ การไม่มีสไตล์ลิสต์มาคอยช่วยเหลือเป็นคนจัดองค์ประกอบชุด ส่วนช่างภาพเป็นคนจัดองค์ประกอบภาพ ถึงช่างกล้องจะบอกว่าจัดการเองได้คนเดียว แต่นั่นก็หมายความว่าต้องทำการบ้านมาเยอะมาก เขาต้องรู้ว่าดีไซเนอร์ต้องการเน้นรายละเอียดตรงไหนของแต่ละชุด ตรงไหนเป็นจุดขาย และสั่งนางแบบนายแบบเองว่าให้เอาคอเสื้อตั้งขึ้นนะ ปลดกระดุมหน่อย ทิ้งปลายแขนลงมา บลา ๆ ด้วยตัวเอง ถ้ามองว่าอาจจะแค่ต้องการโชว์เฉพาะความเท่ของพระเอก มันก็กลายเป็นไม่สมจริงไปนั่นเอง คือ ถ้ามองผ่าน ๆ ไม่คิดมาก ก็ถือว่า ฉากนี้สอบผ่านเรื่องการเน้นให้นางเอก คนรอบข้าง และคนดูอย่างเรารู้สึกว่า พระเอกเก่ง เท่ สมาร์ตและดูน่าหลงใหล
หลังจากดูความเท่ของพระเอกไปจนถึงช่วงสุดท้ายก่อนจบตอนก็กลับมาซ้ำซากในแง่ของเนื้อเรื่องที่ไม่แตกต่างอีกครั้ง โดยรวมของตอนแรกจึงเหมือนการนั่งดูการเอาบทของหลาย ๆ เรื่องมาปรุงใหม่แล้วยำผสมรวมกันก่อนเสิร์ฟ แต่ถ้าถามว่าตามดู EP2 มั้ย? แน่นอนว่ายังตามดูแน่นอน เพราะอะไร โปรดอ่านจนจบ..
เทียบกับเรื่องก่อนของพระนาง
สำหรับ Now, We Are Breaking Up EP1 เมื่อเทียบกับซีรีส์เรื่องก่อนของ จางกียง ก็ต้องขอเทียบกับเรื่อง Search: WWW ที่เปิดเรื่องมาน่าตื่นเต้นกับการแข่งขันกันของเว็บพอร์ทัล อาชีพของนางเอกมีความน่าสนใจ บททันสมัย ทันยุค ยิ่งเมื่อเปิดตัวอาชีพของพระเอกและความน่าประทับใจตอนแรกเจอของทั้งคู่ มันทำให้รู้สึกถึงความน่าติดตามไปเสียทุกอย่าง
นอกจากนี้ ความคล้ายกันของ 2 เรื่องนี้นอกจากจะเป็นที่นางเอกอายุมากกว่าพระเอก เรื่องที่นางเอกลอบแอบมองพระเอก ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ใบหน้า ท่อนแขน นิ้วมือ ก็ช่างเป็นอะไรที่ตรงกัน แฟน ๆ จางกียงเหมือนได้ละเมียดดูจางกียงกันแบบละมุนยกกำลังสอง ซึ่งต้องบอกว่าฉากที่คล้ายกันนี้ใน Search: WWW งานภาพทำออกมาได้ดีและดูหวือหวากว่ามากพอสมควร แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นเพราะบริบทกับสถานที่ที่แตกต่างกันด้วย
ในขณะที่เรื่องที่แล้วของ ซงฮเยคโย ขอพูดถึงเรื่อง Encounter ที่น่าสนใจตรงการไปถ่ายทำที่คิวบา บรรยากาศ บทของพระเอกที่เป็นคนน่าสนใจ น่าค้นหา บวกกับการได้เจอกันของพระเอกนางเอกในต่างถิ่นที่ไม่รู้จักกันและกัน ไม่ได้หยิบเรื่องฐานะมากั้นกลางระหว่างความสัมพันธ์ สร้างความน่าติดตามว่าหลังจากกลับมาประเทศบ้านเกิด พวกเขาจะสานต่อกันอย่างไร
ติกันไปแล้ว มีเรื่องชมไหม ?
เรื่องที่อยากชมก็คงหนีไม่พ้นฝีมือการแสดงของนักแสดงนำ ไม่ใช่ว่านักแสดงสมทบฝีมือไม่ดี เพียงแต่ตอนแรกเป็นการเน้นบอกเล่าอาชีพ นิสัย ความสัมพันธ์ของ 4 ตัวละครหลักก่อน
ซงฮเยคโย เรื่องนี้ดูสวยขึ้น กาลเวลาที่ทำร้ายเราอยู่ทุกวันแต่กลับทำอะไรเธอไม่ได้เลย สำหรับบท ฮาอึนยอง ที่เธอเล่นนั้นในตอนแรกอาจจะยังไม่มีอะไรให้โชว์มากนัก แต่มาตรฐานการแสดงของซงฮเยคโยสูงอยู่แล้ว เลยไม่มีอะไรต้องห่วง
จางกียง พัฒนาฝีมือการแสดงขึ้นมาอีก ยิ่งได้แสดงกับนักแสดงเก่ง ๆ เขายิ่งดูโดดเด่นขึ้น บทของ ยุนแจกุก ที่พูดน้อย เน้นการใช้สายตา รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ดึงดูดยังคงกระตุ้นการทำงานของหัวใจสาว ๆ ได้อยู่เสมอ และไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าโทนเสียงในเรื่องนี้เข้มกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา ยิ่งท่าทางการจับกล้องถ่ายภาพส่องตรงไปที่นางเอกพร้อมกดชัตเตอร์ จุดนี้เป็นจุดที่อยากกระโดดเข้าไปอยู่ในเฟรมของเขาขึ้นมาทันที เพราะเขาบอกไว้ว่า “พอดีผมไม่ค่อยลืมหน้าคนที่เคยอยู่ในเฟรมผมน่ะ” (อร๊ายยย)
ยิ่งฉายาพระเอกในเรื่องถูกเรียกว่า “คุกกี้” ก็เล่นเอาสาว ๆ อยากกินคุกกี้ชิ้นนี้กันเป็นแถว
โดยรวมต้องชมว่าภาพของพระนางในเรื่องแต่งเติมให้งานภาพแต่ละฉากสวยสมบูรณ์แบบขึ้นมาอีกเยอะเลย แถมดูมีเคมีเข้ากัน เป็นอีก 2 นักแสดงที่มีเคมีสาธารณะจริง ๆ
ชเวฮีซอ ในบท ฮวังชีซุก เพื่อนคนรวยของนางเอก ที่แฟนซีรีส์อาจจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเธอนัก ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะเธอเป็นนักแสดงสายภาพยนตร์ ผลงานด้านภาพยนตร์มีมากมายหลายเรื่องนับนิ้ว 2 มือไม่หมด ส่วนผลงานแสดงซีรีส์มีไม่เยอะ แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหาเรื่องการเล่นบทที่ได้รับอย่างแน่นอน แค่ดูตอนแรกก็เริ่มหมั่นไส้นิด ๆ ซะแล้วสิ
คิมจูฮอน เราคุ้นเคยกับเขามาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Dr. Romantic 2, It’s okay to not be okay และ Do Do Sal Sal La La Sol จนมาถึงเรื่องนี้ก็บอกเลยว่า เชื่อใจกับบทบาทที่เขาได้รับว่าต้องทำออกมาได้ดี เป็นคนที่มีฝีมือทางการแสดง ไม่ว่าจะเป็นบทร้าย บทดี เขาก็เป็นส่วนเติมเต็มที่ดีที่มีส่วนทำให้ละครออกมาสมบูรณ์แบบ
สรุปรีวิวโดยรวม
Now, We Are Breaking Up เป็นเมโลดราม่าที่เปิดตัวตอนแรกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ไม่ตื่นเต้นอย่างที่หวังไว้ แต่ถ้าดูจากผลงานที่ผ่านมาของนักเขียนบท เจน ซึ่งเคยเขียนซีรีส์มาก่อนหน้านี้ 1 เรื่องนั่นก็คือ Misty ที่ถือว่าบทดี จนส่งให้ คิมนัมจู คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงจากเวที Baeksang Arts Awards มาแล้ว ยิ่งถ้ามาไล่เรียงผลงานการกำกับของผู้กำกับ อีกิลบก ที่ถือเป็นผู้กำกับคู่บุญของ SBS เขามีผลงานซีรีส์ชื่อดังการันตีฝีมือมากมาย เช่น Dr. Romantic ทั้ง 2 ซีซั่น, Vagabond, Mrs. Cop, The Girl Who Sees Smells, My Love from the Star, Salaryman, Midas, Giant, Tazza และ Lovers (นี่เป็นแค่ผลงานส่วนหนึ่งของผู้กำกับเท่านั้นนะ)
ความน่าสนใจที่สุดไปตกอยู่ที่นักแสดงนำที่โอบอุ้มความน่าดูไว้ด้วยฝีมือการแสดง
เพราะฉะนั้น Now, We Are Breaking Up จึงต้องบอกว่ายังมีความน่าสนใจ เพราะเป็นการรวมกันของยอดฝีมือทั้งทีมงานและนักแสดง แล้วมีนักแสดงอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ออกมาอย่างเช่น เซฮุน EXO ยูรา Girl’s Day ชินดงอุค เป็นต้น ดังนั้น จึงไม่อยากตัดสินแค่ตอนแรกเท่านั้น อยากรอดูเบื้องหลังวงการแฟชั่นด้วย เป็นโครงเรื่องที่น่าสนใจมาก มารับชมตอนต่อ ๆ ไปของซีรีส์แล้วค่อยเจอกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้า
สำหรับใครที่หลงเข้ามาอ่านแล้วยังไม่ได้ดู เรื่องนี้เป็นซีรีส์ Viu Original ดังนั้นจึงมีซับไทยที่เดียวเท่านั้น
คลิก ที่นี่ เพื่อรับชม Now, We Are Breaking Up ซับไทยถูกลิขสิทธิ์จาก Viu
ติดตาม Content เนื้อหาดีๆ จาก KZabs ได้ 4 ช่องทาง
*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปเผยแพร่ แต่สามารถแชร์ไปได้เลยค่ะ
